วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

บ้านกะติ๊ก ตอน 1


ผมเกิดมาในครอบครัวที่รวยเกินจริง นิยายหลายเรื่องที่พยายามปั้นตัวละครให้รวยล้นฟ้า เป็นมหาเศรษฐี ยังไม่ได้ครึ่งบ้านผมหรอก ด้วยความที่ครอบครัวผมรวยจัด พ่อกับแม่ก็เลยปลูกบ้านซะหลังโต ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมก็เห็นเจ้าคฤหาสหลังยักษ์นี่แล้ว แต่เชื่อมั้ย ว่าผมยังไม่เคยได้เข้าไปอยู่ซักครั้ง

เหอะๆๆๆ ก็ตอนที่พ่อแม่ปลูกบ้านหลังนั้น ยายบอกว่าหมดเงินไปเกือบร้อยล้าน มีแค่สองเหตุผลที่ผมรู้ว่าทำไมพ่อกับถึงตัดสินใจปลูกบ้านหลังยักษ์นี่ อย่างแรกเลยเพราะเอาไว้เชิดหน้าวงศ์ตระกูล เหตุผลที่สองคือเป็นของขวัญวันผมเกิด

เงินที่ใช้ปลูกบ้าน ดึงมาจากรายได้และทรัพสมบัติที่มีของบริษัท หนังกะติก จำกัด กว่า 80% บ้านหลังนี้ใช้เวลาสร้างเกือบสามปี สองปีแรกที่สร้าง เงินยังคงไหลเข้าบริษัทไปด้วยดี หนังกะติ๊กวงกลมสีแดง ถูกจำหน่ายออกวันละหลายสิบตัน รวมเป้นเงินหลายล้านทีเดียว

แต่พอบ้านใกล้สร้างเสร็จนะซิครับ ปัญหามันมาแล้ว บริษัทของเราไฟไหม้! ตอนนั้นผมแค่สามขวบเอง ตอนนี้ผมแทบจำอะไรไม่ได้แล้ว เวลานึกถึงเรื่องวันนั้น ผมนึกได้แค่ภาพลางๆสีขาว-ดำ ภาพแม่วิ่งกรี๊ดไปมา/ภาพพ่อร้องตะโกนให้คนงานช่วยกันดับไฟ แต่ไม่มีใครฟังซักคน ทุกคนต่างโกยขาหนีกันหมด และอีกภาพหนึ่ง คือยายของผม ที่นั่งคุกเข่าหน้าศาลพระภูมิ ในมือพนมถือธูปยาวปล่อยควันเท่ากลิ่นแสบจมูก ปากก็สวดพืมพำ ส่วนผมได้แต่ยืน "หัวเราะ" เพราะรู้สึกสนุกกับกิจกรรมที่เกิดขึ้น

พอโตขึ้นมาความรู้สึกสนุกของผมมันหายไปแล้ว พ่อกับแม่ไม่เหลือบริษัทอีกต่อไป คนงานก็ไม่มี เงินที่เหลือจากการสร้างบ้านต้องเอามาจ่ายเป็นค่าทดแทนให้พนักงาน สุดท้ายเราก็หมดตัว เหลือเพียงแค่คฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ภายในมีเฟอร์นิเจอร์แค่จำเป็น กับเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่กี่ชนิด

ระหว่างรอบ้านสร้างเสร็จ พ่อพาพวกเราไปอยู่บ้านปู่ที่อำเภอท่าแร่-หนองแสง และช่วยคนทางโน้นชำแหละหมาขาย ส่งออกเวียดนามกับเกาหลี

วันนึงก็มีโทรศัพท์เบอร์แปลกๆโทรมาหาแม่

"สวัสดีครับ คุณเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 69/69 ซอยกลากิณี12 ใช่ไหมครับ"

"ใช่ค่ะ" แม่ตอบเสียงอึ้ง "ไม่ทราบจากไหนค่ะ"

"เอ่อ...ผมโทรจากบริษัทดูกันมันส์ครับ คือว่าอยากติดต่อขอเช่าบ้านคุณถ่ายละครอะครับ"

"หา!... "คุณปู่ที่กำลังง้างอีโต้ง เล็งคอหมา ตกใจสับมีดลงจนฟันเอานิ้วตัวเอง โอ้ย ฉิบหาย ช่วยทีกูนิ้วขาด!

กระนั่นแม่ยังคงแนบหูกับโทรศัพท์แล้วเดินหนีเสียงดังวุ่นวาย

"แต่บ้านยังไม่เสร็จนะค่ะ"

"ครับผม เรายังไม่ถ่ายตอนนี้ครับ จะรอบ้านคุณเสร็จเรียบร้อยก่อนถึงจะเริ่มเปิดกล้อง" เขาพูดเสียงสดใสมาก จนแม่แอบยิ้มไม่ไหว

"แล้วจะให้ค่าเช่าเท่าไรค่ะ"

"คุณอยากได้เท่าไรละครับ"

แม่อึ้ง...นี่เล่นให้เราเสนอราคาเองเลยเหรอ บ้านเราก็ใหญ่ขนาดนี้ ล้านนึงก็คงไม่น่าเกลียดมั้ง

"งั้นฉันขอหนึ่งล้านบาทค่ะ"

"อะไรนะครับ! เพิ่งอีกหน่อยก็ได้นะ ผมให้คุณสองล้านก็แล้วกัน โอเคมั้ยครับ"

ผมสังเกตเห็นขาแม่เริ่มบิดไปมา เลยนึกว่าแม่น่าจะปวดฉี่ แต่ทำไมหน้าแกถึงยิ้มอะไรซะขนาดนั้น จนในที่สุด...แม่ก็เหยี่ยวแตก!

"ได้ค่ะ ยินดีเลย แล้วติดต่อมานะค่ะ...." แล้วชายหนุ่มก็วางสายไป

แม่กำโทรศัพท์อยู่นาน สีหน้าบ่งบอกความอัดอั้นอย่างที่สุดก่อนจะกรี๊ดเพราะดีใจจัง แล้วค่ายบางระจันของแม่ก็แตก นายทองก้อนวิ่งพรวดออกมาพร้อมกลิ่น